“งดอาหาร” มื้อไหน เผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด แถมสุขภาพดีขึ้น
ก่อนหน้านี้เรามีความเชื่อกันว่าต้องกินอาหารให้ครบ 3 มื้อทุกวัน แต่จริงๆ แล้วการอดอาหารในบางมื้อ บางช่วงเวลาของวัน อาจส่งผลดีต่อร่างกายได้มากกว่า นพ.นันทพล พงศ์รัตนามาน อาจารย์ที่ปรึกษา แผนกศัลยศาสตร์หลอดเลือด ร.พ.พระมงกุฎเกล้า หรือ หมอท็อป มีคำอธิบาย พร้อมคำแนะนำว่า ควรงดอาหารในมื้อไหน ช่วงเวลาไหน ถึงจะช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายทำงานได้ดีที่สุด
งดมื้ออาหาร อาจส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด
ในผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี การรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ เป็นเรื่องที่แนะนำ เพราะฮอร์โมนในร่างกายยังไม่คงที่ และยังต้องการสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโตมากกว่าวัยอื่นๆ แต่คนที่อายุเลย 20 ปีไปแล้ว อาจไม่ได้ต้องการปริมาณอาหารมากเท่าเดิม การรับประทานอาหารมากเกินความต้องการของร่างกาย จะเสี่ยงอ้วน และโรคอันตรายอย่างเบาหวาน ความดัน ได้มากกว่า
จริงๆ แล้วเราสามารถลดจำนวนมื้ออาหารลงได้ โดยแนะนำให้ลองลดจำนวนมื้ออาหารลงเป็น 2 มื้อต่อวัน หรือในบางคนที่ลองรับประทานอาหารเพียงมื้อเดียวต่อวัน (One Meal A Day หรือ OMAD) มีผลงานวิจัยออกมาแล้วว่า สามารถช่วยชะลอวัย และลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ โดยเฉพาะมะเร็งได้ด้วย แต่ถ้าใครกลัวหิว สามารถลองเริ่มลดเหลือ 2 มื้อต่อวันดูก็ได้
“งดอาหาร” มื้อไหน เผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด แถมสุขภาพดีขึ้น
นพ.นันทพล แนะนำให้งดมื้อเช้า แม้ว่าเราจะเคยได้ยินมาว่ามื้อเช้าเป็นมื้ออาหารที่สำคัญที่สุดของวัน แต่จากการศึกษาใหม่พบว่า ในช่วงเช้าฮอร์โมนเกรลิน หรือฮอร์โมนที่ทำให้เราหิวจะหลั่งออกมาไม่มาก เราจึงไม่ค่อยรู้สึกหิวมากในช่วงเช้า และหากเรารับประทานอาหารเน้นให้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรตที่ไม่าดีต่อร่างกายมากเกินไป (แป้งและน้ำตาล เช่น ขนมปังขาวทาแยมที่น้ำตาลสูง คอนเฟลก กราโนล่าเคลือบน้ำผึ้งหรือช็อกโกแลต) อาจไม่ดีต่อร่างกายนัก
เราสามารถรับประทานคาร์โบไฮเดรตที่ดีต่อร่างกายได้ โดยมาจากผักตระกูลหัวที่แม้จะมีแป้ง แต่ก็มีใยอาหารสูงด้วย รวมถึงผลไม้ที่ไม่หวานมาก
ลองกินมื้อเช้ากับมื้อกลางวันรวบเป็นมื้อเดียว แล้วกินมื้อเย็นอีกทีไม่เกิน 2 ทุ่ม จะทำให้เราได้ทำ IF (Intermittent Fasting) ได้ในสูตร 10/14 หรือ 16/8 ได้ (จำนวนชั่วโมงที่งดมื้ออาหาร/กินอาหารได้)
หากมีการงดมื้ออาหาร ให้ร่างกายได้พักจากการรับอาหารไว้บ้าง จะส่งผลดีต่อระบบเผาผลาญไขมันร่างกาย
ที่มา : นพ.นันทพล พงศ์รัตนามาน อาจารย์ที่ปรึกษา แผนกศัลยศาสตร์หลอดเลือด ร.พ.พระมงกุฎเกล้า