ใครที่กำลัง ลดน้ำหนัก อยู่ตอนนี้คงเข้าใจเป็นอย่างดีว่าควรลดการกินแป้งหรือคาร์บลง เพราะแป้งหรือคาร์บนั้นหากกินมากจนเกินไปจะส่งผลต่อน้ำหนักตัวได้ ซึ่งความเข้าใจแบบนี้ถือเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องในการลดน้ำหนัก แต่มีการลดน้ำหนักแบบหนึ่งที่เราเรียกกันว่า Carb Cycling Diet ที่อนุญาตให้เรากินแป้งได้ และน้ำหนักก็ยังลดลงอยู่

Carb Cycling Diet คือการกินแป้งแบบน้อยสลับมาก ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญพลังงานและลดการทำลายกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการ ลดน้ำหนัก แบบไม่เคร่งเครียด เพราะวิธีการนี้ไม่เคร่งครัดเกินไป

ซึ่งวิธีการทำ Carb Cycling Diet ไม่มีการกำหนดหลักการชัดเจนว่าจะต้องกินแป้งมาก-น้อยกี่วัน การกำหนดจำนวนแป้งในการกินนั้นขึ้นอยู่กับตัวผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่การกินแป้งยังควรกินอย่างสม่ำเสมอทุกวันไม่ควรอดเด็ดขาด ซึ่งในวันที่กินแป้งมากเรียกว่า High Carb วันที่กินแป้งน้อยจะเรียกว่า Low Carb และวันที่กินแป้งแบบปกติเรียกว่า Mid Carb โดยวิธีการกินแป้งแบบ Carb Cycling Diet นี้ไม่เกี่ยวกับปริมาณการกินไขมันและโปรตีน ถือเป็นคนละส่วนกัน เพราะเรายังคงกินไขมันและโปรตีนในปริมาณเท่าเดิมในทุกๆ วัน

ตัวอย่างในการกำหนดการกินแป้งแบบ Carb Cycling Diet เช่น
วันที่ 1 Low carb
      กินแป้งเชิงซ้อนในตอนเช้าและกินแป้งในช่วงก่อนและหลังออกกำลังกาย โดยพยามแบ่งให้ปริมาณการกินแป้งในแต่ละมื้อเท่าๆ กัน
วันที่ 2-3 Low carb กินเหมือนวันที่ 1
วันที่ 4 High carb
     กินแป้งให้มากขึ้นโดยใช้วิธีกระจายเป็นมื้อย่อยทั้งวัน โปรตีนและไขมันยังคงกินเท่าเดิม
วันที่ 5-6 Low carb กินเหมือนวันที่ 1

ข้อดีของการ ลดน้ำหนัก ด้วยวิธี Carb Cycling Diet นั้นคือไม่ทำลายระบบเผาผลาญของเรา เนื่องจากการกินแป้งมากสลับน้อย ทำให้ระบบเผาผลาญของเรายังคงทำงานได้ตามปกติ โดยในช่วงที่กินแป้งมากนั้นคือการกระตุ้นให้ร่างกายเผาผลาญ นอกจากนี้ยังเป็นการคงระดับไกลโคเจนที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ยังคงที่ ส่งผลให้ระดับไกลโคเจนในกล้ามเนื้อไม่ลดลง กล้ามเนื้อของเราก็ยังคงมีการทำงานอยู่เหมือนเดิม ซึ่งถือได้ว่าการลดน้ำหนักด้วยวิธี Carb Cycling Diet เป็นการลดน้ำหนักที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ และยังไม่ทำลายมวลกล้ามเนื้ออีกด้วย แต่ผู้ที่ลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ก็ควรระวังในเรื่องของการกินโปรตีนและไขมันให้เพียงพอด้วย

ที่มา : TrueID